ฟังอีกมุม ฝั่งนายจ้างยันไม่เกี่ยว โต้ขอแบ่งเงินรางวัลที่ 1 ลูกจ้างเมียนมา

ดราม่าแรงงานเมียนมาถูกหวยรางวัลที่ 1 แต่ได้เงินแค่ 3.5 ล้านบาท ฝั่งนายจ้างชี้แจงพร้อมทนาย ยืนยันไม่เกี่ยว แถมช่วยเจรจากับยี่ปั๊วที่เป็นญาติ
  • 07 มีนาคม 2564
  • 311 VIEW




จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง เผยแพร่เรื่องราวของลูกจ้างชาวเมียนมาที่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 มีนาคม หมายเลย 835538 แต่ได้รับเงินเพียง 3.5 ล้านบาท และต้องแบ่งให้นายจ้าง 2.5 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ล่าสุด วันนี้ (6 มี.ค.) รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ช่อง 3 รายงานว่า คุณต้น (นามสมมุติ) คนไทยที่ช่วยเหลือแรงงานเมียนมาในประเทศไทย เปิดเผยว่า เรื่องที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กนั้นเป็นเรื่องจริง โดย นายไชและนางไก่ สองสามีภรรยาแรงงานเมียนมา ทำงานที่โรงหล่อพระแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เข้าร้องเรียนให้ช่วยเหลือ


โดยนายไชและนางไก่ เล่าว่า ได้ฝากนายจ้างซื้อลอตเตอรี่เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งมีการระบุเลขท้าย 38 83 ซึ่งเป็นเลขของแม่ที่ประเทศเมียนมาโทรมาบอกให้ซื้อ จากนั้นวันที่ 27 ก.พ. นายจ้างได้ส่งภาพลอตเตอรี่ 3 ใบให้ดูทางไลน์ ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะยืนยันว่าต้องการซื้อหวย 3 ใบ ใบละ 100 บาท


โดยใน 3 ใบนี้ มีเลข 835538 รางวัลที่ 1 และยืนยันว่าได้นำเงินสดจำนวน 300 บาท จ่ายให้กับนายจ้าง ในวันที่ 28 ก.พ. ตอน 6 โมงเย็น โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้รับลอตเตอรี่ ได้เพียงแค่ภาพบนแผงเท่านั้น


พอวันที่ 1 มี.ค. หวยออก นายไชและนางไก่ รู้ตัวว่าถูกรางวัลที่ 1 ก็มาแจ้งนายจ้าง และนายจ้างก็ร้องเฮดีใจ บอกดีใจด้วยจะสบายแล้ว แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลับบอกว่าไม่ได้เงินแล้ว นายไชและนางไก่ ตกใจและถามว่าเกิดอะไรขึ้น


จากนั้นก็ไม่รู้ว่าใครเอาลอตเตอรี่ไปขึ้นเงิน จึงร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มตน และพบว่ามีการนำไปขึ้นรางวัลและรับเงินมาแล้วจำนวน 6 ล้านบาท ตนจึงพาสองสามีภรรยาไปลงบันทึกประจำวัน วันที่ 2 มี.ค.


จากนั้นก็นัดเจรจากับนายจ้างวันที่ 4 มี.ค. โดย นางสาวหนึ่ง นายจ้าง บอกว่า ขอหักเงินไว้ 2.5 ล้านบาท ซึ่งนายไชและนางไก่ กลัวว่าจะไม่ได้เงิน ก็ยินยอมเซ็นต์ชื่อรับเงินจำนวน 3.5 ล้านบาท และให้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทกับนายจ้าง ซึ่งตนก็ไม่รู้เหตุผลว่าหักเพราะอะไร


โดนนายไชและนายไก่ยินยอมรับเงินจำนวนเท่านี้ และย้ายออกจากโรงงาน เตรียมจะเดินทางกลับประเทศวันนี้ 6 มี.ค. ซึ่งทั้งสองคนกลัวมาก เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับเงินเลย จึงจำยอมรับเงินเท่านี้ และยังมีเงินค่าจ้างที่นายจ้างค้างค่าแรงสองสามีภรรยา อีกจำนวนกว่า 7,000 บาท รวม 2 คน กว่า 10,000 บาทด้วย


ตนก็อยากฟังเหตุผลว่า ทำไมถึงหักค่าอะไรไว้ตั้ง 2.5 ล้านบาท อยากถามในฐานะเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน ควรจะเห็นว่าเขาคือคนๆ หนึ่ง ถ้าเขาถูกรางวัลก็ควรได้เงินรางวัลครบ และหากจะให้สินน้ำใจ ก็ให้เขาเอาให้เองไม่ใช่มาหักแบบนี้



จากนั้นทีมข่าวได้โทรคุยกับนายไชและนางไก่ สองสามีภรรยา ถามว่าโอเคหรือไม่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งสองคนบอกโอเค และจะขอกลับประเทศ ตอนนี้ได้โอนเงินที่ได้รับมาไปที่ประเทศเมียนมาแล้ว


ทีมข่าวเดินทางไปยังโรงหล่อพระที่แรงงานเมียนมาทั้งสองทำงาน พบว่าบ้านปิดไม่มีคนอยู่ จากการสอบถาม คุณป้าสำรวย เพื่อนบ้าน บอกว่า เพิ่งทราบข่าวเรื่องหวย ที่ผ่านมาตนก็เห็นนายไชและนางไก่ทำงานปกติ แต่หลังหวยออกก็ไม่เห็นอีกแล้ว จนมาทราบข่าว


ตนก็สงสัยว่าจะหักเงินลูกจ้างทำไม ตั้ง 2.5 ล้านบาท มันเยอะไป แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าลูกจ้างถูกหวยรางวัลที่ 1 ก็ควรให้เขาเต็มจำนวน ซึ่งโรงหล่อพระนี้ไม่ใช่โรงงานใหญ่ มีแรงงานเมียนมาประมาณ 5-6 คน


จากนั้นไม่นาน ปรากฎว่า นายเสริม (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นพี่ชายของนายจ้าง ขับรถเข้ามาหน้าบ้านและเจอทีมข่าว ก็นัดชี้แจงรายละเอียดพร้อมกับ นายอาทิตย์ ว่องวสุสมวงษ์ ทนายความส่วนตัว นำเอกสารใบลงบันทึกประจำวันมาชี้แจง


โดย นายอาทิตย์ ทนายความ กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากแรงงานทั้งสองคนซื้อหวยกับนายจ้างจริง โดยสั่งซื้อกันทางไลน์ แต่ปรากฎว่าวันที่ 28 ก.พ. ที่ลูกจ้างนำเงินค่าหวยมาจ่าย กับนายจ้าง แต่นายจ้างไม่ได้นำเงินไปจ่ายกับยี่ปั๊ว แต่เมื่อหวยออกจึงยอมรับผิดว่าลืมจ่ายค่าหวย และขอเป็นตัวแทนเจรจาเคลียร์กับยี่ปั๊ว ซึ่งเป็นเครือญาติกัน


โดยทาง ยี่ปั๊ว ยืนยันว่า เมื่อไม่ชำระเงินหวยที่ถูกรางวัลก็เป็นสิทธิ์ของยี่ปั๊วะโดยชอบธรรมตามกฎของกองสลากฯ แต่นายจ้างได้ไปขอเจรจาแบ่งเงินให้กับลูกจ้าง โดยตกลงกันที่ให้ลูกจ้าง 3.5 ล้านบาท และให้จ่ายค่าภาษี โดยยี่ปั๊วรับเงินไปจำนวน 2.5 ล้านบาท


ซึ่งทางลูกจ้างทั้งสองคนก็ยินยอม และเซ็นต์เอกสาร มอบเงินกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน และทนายความทั้งสองฝ่าย ซึ่งตามกฎหมายก็ถือว่าจบ ไม่มีการดำเนินคดีกัน หากจะอ้างสิทธิ์ เรื่องการซื้อขายกัน ก็ไม่มีชัดเจน จึงยอมจบกันทั้งสองฝ่ายด้วยการแบ่งเงิน


ส่วนกรณีที่แรงงานอ้างว่า มีการวิดีโอคอลกับยี่ปั๊วะ ว่ารับชำระเงินแล้ว และส่งรูปหวยมาให้ นายอาทิตย์ระบุว่า เป็นการส่งรูปหมายเลขบัญชีมาให้โอน ไม่ได้ยืนยันการชำระเงินตามกฎหมาย สัญญาซื้อขายจึงยังไม่เกิดขึ้น


ด้าน นายเสริม พี่ชายของนายจ้าง ยอมรับว่า ผิดจริงที่ไม่ได้โอนเงินค่าหวยให้ยี่ปั๊ว ตอนแรกก็ดีใจกับลูกน้องที่ถูกรางวัล แต่มารู้ว่าไม่ได้โอนเงินเพราะลืม จึงคิดหาทางออกเป็นตัวกลางไปเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ ตนไม่ได้โกง ไม่ได้แตะตัวเงิน หรือหักหัวคิวใดๆ ทั้งสิ้น


ส่วนกรณีการเบี้ยวค่าแรงนั้น หลังจากเกิดเรื่องแล้ว แรงงานก็หนีออกจากโรงงานติดต่อไม่ได้ ตนก็ไม่รู้ว่าจะไปจ่ายให้ที่ใด และอยากให้สังคมฟังความทั้งสองฝ่าย ตนผิดที่ไม่ได้โอนค่าหวยจนเกิดเรื่อง แต่ก็ไม่ได้โกง เป็นตัวกลางเจรจาให้จนจบ






ขอขอบคุณ


ข้อมูล :เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ช่อง 3




sanook